วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[Crossover ROTG*Frozen Fanfic] Villain Valentine




วาเลนไทน์


สำหรับเอเรนเดลล์แล้วมันไม่ใช่วันแห่งความรัก โอเค ก็ไม่เชิงว่าไม่ใช่เสียทีเดียว แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วมันยังเป็นวันเฉลิมฉลอง...สำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะสิ้นสุดลง เป็นช่วงที่ดอกไม้จะผลิบานท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน ยอดอ่อนของไม้เริ่มผลิใบผุดขึ้นจากแผ่นน้ำแข็ง สรรพสัตว์ที่จำศีลเริ่มแย้มเปลือกตาขึ้นรับแสงตะวันพร้อมรอยยิ้ม แค่นึกถึงช่วงเวลานั้น ก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายกำลังล่องลอยไปตามสายลมแล้วใช่มั้ยล่ะ!


 แน่นอนว่าช่วงเวลาที่แสนวิเศษนั้น...การได้ดื่มด่ำกับมันคนเดียวก็สงบสุขดีอยู่ แต่คงจะวิเศษกว่าถ้ามีคนเคียงคู่รู้ใจร่วมสัมผัสกับความสวยงามนั้นไปด้วยกันอย่างหวานชื่น และแน่นอนว่าถ้าคงจะวิเศษที่สุด...ถ้าได้ร่วมเฉลิมฉลองด้วยกันกับทุกคนอย่างสนุกสนาน!


...เทศกาล!


เจ๋งใช่มั้ย!? จัดเทศกาลกันเถอะนะ!”


เพราะเจ้าหญิงเพียงองค์เดียวของเมืองร่ำร้องเช่นนั้นเอง ปีนี้เทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิในเอเรนเดลล์จึงถูกจัดขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ผิดไปจากทุกปี


อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น ก็แค่เวลาที่ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนมาถึงเท่านั้นเอง ปกติทุกๆ ปี บรรดาร้านค้าร้านขายก็จะตกแต่งประดับประดาร้านของตนให้เข้ากันกับฤดูกาลอยู่แล้ว ใช่ว่าจะจืดชืดไร้สีสันเสียหน่อย เพียงแต่ปีนี้อันนาต้องการอะไรที่พิเศษกว่านั้น! เพราะอะไรน่ะหรือ...


ก็นี่น่ะ! เป็นฤดูใบไม้ผลิแรกหลังจากราชินีเอลซ่าขึ้นครองราชย์เชียวนะ!


อีกทั้งนับตั้งแต่เสด็จพ่อเสด็จแม่สิ้นพระชนม์ไป เอเรนเดลล์ก็ไม่เคยมีเทศกาลรื่นเริงอีกเลย แถมเทศกาลนี้น่ะนะ... ตรงกับวันแห่งความรักยังไงล่ะ วัน แห่ง ความ รัก!


ถึงแม้ตัวเจ้าหญิงอันนาจะมีพระคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนไปแล้ว แต่พี่สาวคนสวยของเธอกลับยังโสดสนิทศิษย์ส่ายหน้า แม้จะโดนน้องสาวพูดกรอกหูอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าให้หาใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาภาระ แต่เอลซ่าก็จะเพียงแค่ยิ้มรับเงียบๆ เท่านั้น เรื่องนี้ทำเอาอันนาเซ็งบุ่ยมากมาย ขอบอก


เจ้าหญิงน้อยตั้งปณิธานกับตัวเองอยู่เงียบๆ


วันแห่งความรักนี้จะต้องทำให้เอลซ่าเลิกบ้างานให้ได้!


โอเค ยังไม่ต้องถึงกับหาแฟน หรือมีคนรู้ใจหรอก ยอมรับตามตรงว่าเธอเองก็ยังไม่พร้อมให้พี่สาวมีใครเคียงคู่เหมือนกัน ก็เธอเพิ่งจะได้พี่สาวกลับคืนมาเองนี่นา ขอครอบครองไว้คนเดียวก่อนจะเป็นไรไป หวงอะเข้าใจมะ? นี่ล่ะอภิสิทธิ์ของคนเป็นน้องสาวผู้น่ารักล่ะ!


แต่ก็นั่นล่ะ ช่วงเวลาสิบสามปีที่กักขังเอลซ่าไว้ภายในห้องได้เปลี่ยนเอลซ่าให้กลายเป็นคนละคน แม้เนื้อแท้แล้วจะยังคงเหมือนเดิม แต่ก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่เปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี แน่ล่ะ ไม่มีทางที่เอลซ่าจะไม่ดีอยู่แล้ว!


เพียงแต่ว่า...


เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในยามดึกแล้วยังเห็นไฟในห้องทรงงานยังไม่ถูกดับลง...อันนาก็รู้สึกปั่นป่วนอยู่ในอก ราชินีทรงงานหนักทุกวันทุกคืน ถึงจะห่วงแสนห่วงเพียงใด แต่บรรดาข้าราชบริพารก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ใครกันล่ะที่จะกล้าพูดให้ราชินีของตนอู้งานเสียบ้าง ในเมื่อสิ่งที่พระองค์ทุ่มเทให้นั้นเป็นไปเพื่อความผาสุกของประชาชน


ใครกันล่ะที่จะสามารถเข้าไปก้าวก่าย...


ใครกันที่จะกล้าแย่งงานของราชินีแห่งเอเรนเดลล์


แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เธอแล้ว จะเป็นใคร!




“อันนา? ทำอะไรอยู่น่ะ” เอลซ่าเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเธอตื่นเช้ามาและพบว่าอันนาไม่ได้กำลังป่วนคนครัวอย่างที่เคย แต่กลับนั่งอยู่ในห้องทรงงานของเธอแทน


โต๊ะเก้าอี้ชุดเล็กๆ ที่ไม่รู้นำมาวางเอาไว้ในห้อง ข้างๆ โต๊ะทรงงานของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ถูกจับจองด้วยร่างของน้องสาว ดวงตาสีครามละจากเอกสารที่อยู่ในมือ คิ้วที่ขมวดมุ่นพลันคลายออกเป็นรอยยิ้มกว้างสดใสเบิกบานยามเมื่อมองพี่สาวของตนที่ยืนอยู่หน้าประตู “ฉันกำลังทำงานยังไงล่ะ!”


“งาน?” สีหน้าของราชินียิ่งทวีความฉงนสงสัยหนักกว่าเดิม


“โธ่ ก็งานเทศกาลไง! ที่ฉันบอกไปน่ะ พี่ลืมแล้วเหรอ พี่เป็นคนอนุญาตให้จัดเองนะ!”


เมื่อได้ฟังคำตอบนั้นแล้วหญิงสาวจึงค่อยทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่ถึงกระนั้น... “แล้วเธอทำงานอะไร?” มันก็ยังน่าสงสัยอยู่ดีที่อันนาจะยอมนั่งโต๊ะแล้วอ่านเอกสารพวกนี้ เธอนึกว่าอันนาจะวิ่งปร๋อเข้าเมืองแล้วจัดการเสกให้ทุกที่ที่เธอวิ่งผ่านเกิดฤดูใบไม้ผลิเสียอีก ถึงแม้อันนาจะไม่ได้มีเวทมนต์แต่กำเนิดเหมือนกับเธอ แต่เจ้าหญิงน้อยกลับมีอำนาจเช่นนั้นจริงด้วยเสียงหัวเราะและความสดใสของตนเอง


เอลซ่าก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง หมายจะเดินไปดูว่ากองเอกสารที่แทบจะท่วมเกลื่อนโต๊ะนั้นคืออะไร หากทว่ายังไม่ทันได้วางปลายเท้าบนผืนพรม เสียงตะโกนของอันนาก็หยุดเธอเอาไว้เสียก่อน “อ๊ะ! พี่ห้ามเข้ามานะ!”


ดวงตาสีฟ้ากะพริบปริบจ้องมองพระขนิษฐาอย่างต้องการคำตอบ ดูจากคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากันนิดๆ นั่นแล้ว ขืนคำตอบไม่เป็นที่พอพระทัย น้องสาวก็น้องสาวเถอะ อันนาอาจจะได้ลิ้มรสการโดนสายตาพิฆาตที่ทำเอาขุนนางอำมาตย์ตัวสั่นมานักต่อนักแล้วก็เป็นได้


“ก็...งานนี้ฉันจะเป็นคนทำเอง พี่ห้ามแอบดูนะ!” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของพี่สาวยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลง อันนาจึงรีบเอ่ยสำทับ “น่า ฉันขอเป็นคนทำนะ พี่ไม่เชื่อมือฉันเหรอ”


...เชื่อสิ เชื่อมากๆ ...เชื่อว่าจะต้องเกิดเรื่องโกลาหลแน่...


“ยะฮู้วววว ทำอะไรกันอยู่น่ะ อันนา เอลซ่า!” ยังไม่ทันที่เอลซ่าจะได้ตอบอะไร เสียงสดใสร่าเริงของโอลาฟก็ดังมาจากโถงทางเดิน เจ้าตุ๊กตาหิมะวิ่งด้วยท่าทางเหมือนกำลังไถลลื่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเอลซ่าพอดี “อะไรๆ เล่นอะไรกันอยู่เหรอ ให้ฉันเล่นด้วยสิ!”


“นี่ไง! มีโอลาฟคอยช่วยอยู่ด้วย ฉันไม่ทำเสียเรื่องหรอกน่า!”


...ยิ่งน่ากังวลหนักกว่าเดิมเกินเท่าตัว...


“เอลซ่า เชื่อใจฉันนะ!”


เมื่อมองสีหน้าเอาจริงเอาจังของอันนาแล้ว คำปฏิเสธที่กำลังจะเอ่ยออกไปก็กลับแข็งค้างอยู่ในลำคอเสียดื้อๆ ยิ่งมองเข้าไปในดวงตาของหนึ่งคน หนึ่งตุ๊กตาหิมะแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกอ่อนใจเหลือกำลัง


...สุดท้ายแล้วราชินีหิมะก็ได้แต่ทอดถอนใจ “ตกลง”


“เย้!!” อันนาชูมือขึ้น แทบจะกระโดดตัวลอย ไม่สิ ไม่แทบจะล่ะ เธอกระโดดผลุงลุกจากโต๊ะทำงานวิ่งมาคว้ามือเอลซ่าเอาไว้พลางหมุนตัวราวกับกำลังเต้นรำ แต่ขณะเดียวกันเธอก็ดึงพี่สาวออกไปนอกห้อง รู้ตัวอีกทีเอลซ่าก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่กลางโถงทางเดินเสียแล้ว


“เย้!” โอลาฟไม่รู้ล่ะว่าเย้อะไร แต่ในเมื่อดูอันนามีความสุขเสียขนาดนั้น งั้นเขาจะเย้ด้วยก็ได้!


“เดี๋ยว เดี๋ยวสิ แล้วงานของพี่ล่ะ?”


“โธ่ เอลซ่า แค่วันนี้วันเดียว ไม่สิ พรุ่งนี้ด้วย กลายเป็นสองวัน พรุ่งนี้พี่ห้ามทำงานนะ เทศกาลของฉัน กฎของฉัน ฉันขอออกกฎว่าในวันพรุ่งนี้ห้ามราชินีแห่งเอเรนเดลล์ทำงานอย่างเด็ดขาด พี่จะต้องไปร่วมงานเทศกาลนะ ห้ามอุดอู้อยู่ในห้อง!”


“ถ้าอย่างนั้นให้พี่เข้าไปเอางาน...” ร่างสูงระหงก้าวหลบร่างของน้องสาว ตั้งท่าจะเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งหนึ่ง หากทว่าสองมือของอันนากลับจับบ่าเธอ ยุดเอาไว้ไม่ให้ไปไหนพลางเอ่ยเสียงหวาน


“พี่จ๋า พี่ไม่ได้นั่งอ่านหนังสือสบายๆ มานานแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะไปเดินเล่นชมเมืองก็ได้ เป็นราชินีที่ดีต้องไม่ห่างเหินกับพสกนิกรไม่ใช่เหรอ อันนี้พี่เป็นคนบอกฉันเองนะ!”


“แต่เอกสาร...”


“เอกสารพวกนั้นน่ะรอได้ แต่ชาวเมืองอาจจะรอไม่ได้ก็ได้นะ!


เห็นความพยายามอย่างยิ่งยวดของน้องสาวในการกีดกันไม่ให้เธอก้าวเข้าไปในห้องทรงงานแล้วเอลซ่าก็ได้แต่ถอนหายใจ “สัญญากับพี่อย่างหนึ่ง ห้ามก่อเรื่องยุ่งนะ”


“ได้เลย ฉันสัญญา!” อันนาตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว เจ้าหญิงน้อยดุนหลังของพี่สาวให้เดินห่างออกจากห้องทรงงาน


“แน่นะ?”


“แน่นอน!” อันนายืนตัวตรง ชูสามนิ้วเป็นการสาบาน


เมื่อน้องสาวรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะขนาดนั้นแล้ว ถึงแม้ราชินีแห่งเอเรนเดลล์จะยังคงมีสายตาเคลือบแคลงแต่ท้ายที่สุดก็ยอมตัดใจ


“ตกลง พี่จะเชื่อใจเจ้าแล้วกัน”


“เชื่อมือฉันได้เลย!”


เอลซ่ามองรอยยิ้มกว้างพร้อมทั้งท่าทีกระโดดโลดเต้นของน้องสาวแล้วก็ได้แต่ภาวนาให้วันนี้กับพรุ่งนี้อย่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย




“อ๊ะ ราชินี”


“ราชินีเสด็จ”


“ราชินีเอลซ่า”


เมื่อก้าวเท้าออกจากเขตพระราชวังเข้าสู่ตัวเมือง เสียงทักทายก็ดังขึ้นรอบทิศรอบทาง เอลซ่าหันไปยิ้มให้ชาวเมืองโดยรอบซึ่งพวกเขาเหล่านั้นก็ยิ้มตอบกลับมา “ทำงานของพวกเจ้าต่อเถอะ เราแค่มาเดินเล่นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเราหรอก”
เพื่อป้องกันปัญหาเป็นจุดสนใจ เอลซ่าจึงเลือกชุดเรียบๆ เหมือนชุดของชาวบ้านทั่วไป ชุดกระโปรงยาวสีขาวเดินลวดลายด้วยสีฟ้าน้ำแข็งอ่อนจาง ถ้าอยู่บนร่างของคนอื่นอาจจะธรรมดาจนถึงขั้นจืดชืด แต่เมื่อมันอยู่บนร่างของราชินีหิมะแล้ว...เจ้าหล่อนก็ดูราวกับภูตตัวน้อยๆ ที่ออกมาล่ำลากับสายลมหนาวอย่างไรอย่างนั้น


ถึงเอลซ่าจะบอกว่าไม่ต้องสนใจ แต่ใครกันล่ะที่จะละสายตาจากราชินีผู้ไม่ค่อยได้ออกมาให้เห็นหน้าเห็นตาได้! ดูเหมือนอันนาจะเริ่มสั่งงานไปบ้างแล้ว ตามท้องถนนจึงมีข้าหลวงอยู่ทุกหนแห่ง บ้างก็กำลังจัดแต่งสถานที่ บ้างก็กำลังเจรจาต่อรองขอซื้อสิ่งจำเป็น เนื่องจากว่าอันนาไม่ยอมให้เธอรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ หญิงสาวจึงไม่รู้รายละเอียดว่าพวกเขากำลังทำอะไร ทว่าแต่ละคนพอเห็นราชินีของตนเดินมาก็พากันหยุดมือพลางทำท่าเหมือนจะซ่อนสิ่งที่ตนกำลังทำเอาไว้สุดชีวิตอย่างนั้นล่ะ ถึงแม้การซ่อนน้ำพุที่จัตุรัสจะค่อนข้างยากสักหน่อยก็เถอะ


เอลซ่ายิ้มเจื่อนๆ เมื่อข้าหลวงของเธอคนหนึ่ง(ที่ตอนนี้กลายเป็นลูกมือของอันนาไปแล้ว)พยายามเอาตัวเข้าบังกระถางดอกไม้ราวๆ สิบกระถาง...ซึ่งประเมินด้วยสายตาแล้วกระถางหนึ่งก็สูงแค่เมตรกว่าๆ เท่านั้นเอง...


“เราจะไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่สักหน่อย เชิญพวกท่านทำงานกันต่อเถอะ” เมื่อรู้สึกว่ายิ่งตัวเองอยู่ จะยิ่งเป็นการสร้างความลำบากในการทำงานของทุกคน เอลซ่าจึงตัดสินใจเอ่ยลาพลางเลี่ยงออกมาจากตัวเมือง เธอยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้ข้าหลวงที่กำลังขะมักเขม้นทำงานอยู่ตามมาอารักษ์ขาคุ้มครอง “ไม่จำเป็นต้องตามมาหรอก ขอบคุณพวกท่านมาก แต่เราดูแลตัวเองได้”


เรื่องนี้คงไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ ในเมื่อราชินีของพวกเขามีพรวิเศษอันแสนล้ำเลิศอยู่นี่นา!




ร่างบอบบางค่อยๆ สืบเท้าขึ้นไปบนเนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง...บนเนินนั้นมีแผ่นหินใหญ่อยู่สองก้อน แผ่นหินสีดำสนิทขับให้บรรยากาศบนเนินเขาแห่งนั้นแลดูเงียบสงบ...และอ้างว้างเปลี่ยนเหงา


“ท่านพ่อ ท่านแม่...” หากทว่าเมื่อร่างของราชินีหิมะก้าวขึ้นไปยืนเบื้องหน้าแผ่นหินนั้น บรรยากาศอึมครึมราวกับกาลเวลาได้หยุดนิ่งก็พลันเคลื่อนไหว สายลมเย็นโชยผ่านโบกพัดยอดหญ้าให้ลู่เอน เอลซ่าวาดมือเบาๆ บนอากาศ เกล็ดน้ำแข็งส่องประกายระยิบระยับก่อนจะรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นดอกไม้ช่อหนึ่ง


หญิงสาววางช่อดอกไม้หน้าแผ่นหิน พลางมองเลยไปยังอีกด้านหนึ่งของเนินเขา จากตรงนี้สามารถมองเห็นเอเรนเดลล์ได้ทั้งเมือง อีกทั้งยังมองเห็นปราสาทได้ชัดเจน เป็นทิวทัศน์ที่ทำให้รู้สึกว่าแม้พวกท่านจะไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว...พวกท่านก็ยังเฝ้ามองและปกป้องคุ้มครองเอเรนเดลล์เสมอมา


เอลซ่าเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของแผ่นหิน วรองค์บอบบางค่อยๆ ทรุดนั่งลงพิงช้าๆ พลางทอดสายตามองไปยังเมืองอันเป็นที่รัก สีขาวของหิมะเริ่มกลับกลายเป็นสีสันอันสดใส ดูเหมือนว่าภายในเมืองจะเริ่มตกแต่งสถานที่กันแล้ว และเมื่อมองจากตรงนี้...ก็เหมือนได้เห็นเอเรนเดลล์กำลังผลิบานท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน


รอยยิ้มบางประดับบนดวงหน้างดงาม


“ทอดพระเมตรอยู่รึเปล่าเพคะ อันนากำลังร่ายมนต์...” สองมือเล็กๆ ยื่นไปข้างหน้า หอบเอาเกล็ดหิมะที่ตกค้างหลงเหลืออยู่ภายในเมืองบางส่วนให้ลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วสลายมันให้กลายเป็นเกล็ดประกายระยิบระยับ “ถึงแม้จะไม่ได้มีพลังเวทมนต์ แต่น้องก็มีอำนาจวิเศษที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย”


เพราะในหัวใจของน้องสาวของเธอเปี่ยมไปด้วยความรัก


และไม่มีอำนาจใดในโลกนี้จะยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นได้อีกแล้ว


/---/


“โว้วววววววว” เสียงหัวเราะครื้นเครงดังพร้อมกันกับเสียงคำรามที่ตามมาติดๆ “ไม่เอาน่าฟิล ข้าแค่แอบเข้าไปในโรงงานของนอร์ธตอนเจ้าเผลอเอง มีอะไรให้ต้องหัวเสียขนาดนั้น ฮ่า! ความสำเร็จครั้งแรกในสามร้อยปีเชียวนะเนี่ย ข้าจะต้องบันทึกวันนี้เอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เสียหน่อยแล้วว่าวันนี้เป็นวันที่แจ็คฟรอสต์สามารถเล็ดรอดสายตาเยติเข้าไปในรังของซานตาคลอสต์ได้! ฮ่าๆๆๆ”


“กรรรรรร”


“ข้าไม่ได้เอาอะไรติดมือมาด้วยซะหน่อย เอาน่า รู้ว่าเจ้าเสียหน้า แต่ก็ตั้งสามร้อยปีเชียวนะ หยวนให้ข้าหน่อยจะเป็นไรไป!”


...ใช่แล้ว เสียงหัวเราะพร้อมทั้งถ้อยคำกวนประสาท ป่วนหัวคนอื่นเช่นนี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเทพพิทักษ์แห่งฤดูหนาว... แจ็คฟรอสต์


เขากำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้าขั้วโลกเหนือ ไม่ไกลจากรังของนอร์ธนัก มีฟิล เยติผู้เฝ้าประตูของซานตาคลอสต์วิ่งไล่ตามอยู่ด้านล่างอย่างไม่ลดละ ส่วนสาเหตุก็คงรู้กันแล้ว... นั่นล่ะ นอกจากก่อเรื่องแล้วแจ็คจะทำอะไรได้อีกกันล่ะ!


เมื่อบินขึ้นสูง สูงจนเหนือเมฆ สูงจนมองพื้นดินเบื้องล่างไม่เห็นและเยติก็เป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ เท่าปลายเข็ม แจ็คจึงค่อยลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า เหนือเมฆลมสงบ เขาจึงไม่ต้องหาอะไรเกาะไว้ ดวงจันทร์กลมโตส่องประกายทำให้ข้างบนนี้ดูเหมือนจะเป็นดินแดนอีกแห่งหนึ่งที่ถูกตัดขาดออกมาเลยทีเดียว


ขณะที่กำลังดื่มด่ำกับชัยชนะครั้งแรกในสามร้อยปี แจ็คก็พลันรู้สึกถึงสายลมที่แหวกออกเป็นทางราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางเขาด้วยความรวดเร็ว!


ทว่าถึงแม้จะรู้สึกตัว แต่สิ่งนั้นเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วเกินไป เกินกว่าที่เขาจะหลบทัน  ดังนั้นเอง แจ็คจึงถูกเจ้าสิ่งปริศนานั้นพุ่งชนเข้าเต็มๆ!!


แทบจะร่วงลงจากฟ้าตกลงมาตายรอบสองเลยทีเดียว


“บินประสาอะไรของเจ้า ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยรึไง!!!” ยังไม่ทันเห็นว่าสิ่งที่พุ่งเข้าชนนั้นคืออะไร แจ็คก็ชิงตวาดไปก่อนทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าสิ่งนั้นมาดีหรือมาร้าย


ทว่าดูเหมือนจะโชคจะยังเข้าข้างแจ็ค เนื่องจากเขาไม่ได้ถูกสอยซ้ำเป็นรอบที่สอง ไม่อย่างนั้นมีหวังได้ร่วงจริงๆ แน่ และดูเหมือนคนที่ถูกเขาด่าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ เสียด้วย


“ฮายยยยย อรุณสวัสดิ์แจ็ค! แจ็คฟรอสต์! ไหนๆ เจ้ามีคนที่อยากให้ข้าแผลงศรใส่ให้มั้ย เห็นแก่ที่เจ้าเป็นรุ่นน้อง ข้าจะบริการเป็นพิเศษเลยเชียว ไหนๆ สาวผู้โชคดีคนนั้นอยู่ที่ไหนเอ่ย!?”  


แม้เสียงนั้นจะไม่ได้เรียกว่าคุ้นเคย แต่แจ็คก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะสามารถลืมเจ้าของเสียงนี้ลง “วิลเลี่ยน วาเลนไทน์!”


คนตรงหน้าเขาเป็นชายหนุ่มร่างเล็ก ขนาดตัวพอๆ กับเหล่าเอลฟ์ในรังของนอร์ธ มีปีกเล็กๆ อยู่กลางหลังสีขาวน่าเอ็นดู แต่หน้าตากลับเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายเหลือใจ(ซึ่งเจ้าตัวมั่นอกมั่นใจเอาการว่านี่ล่ะสเป็คของสาวๆ) นิ้วมือเล็กป้อมควงปืนกลขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ปกติเจ้าตัวเก็บซ่อนเอาไว้ตรงส่วนไหน อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยนี้มีคู่รักถือกำเนิดขึ้นมาก การยิงศรแต่ละดอกด้วยคันธนูจึงไม่ทันใจ วิลเลี่ยนจึงไปโมฯของวิเศษคู่กายของตนใหม่ให้กลายเป็นปืนกลขนาดใหญ่เสียเลย


ถ้าไม่บอกใครจะเชื่อนะว่านี่ล่ะ “คิวปิด” เทพแห่งความรัก


แจ็คกลอกตา รู้สึกเซ็งขึ้นมาจับจิต ลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้มันเริ่มแล้วนี่นา... วันวาเลนไทน์


เนื่องจากว่าเทศกาลแห่งความรักนี้ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเหมือนอีสเตอร์หรือคริสมาสต์ ดังนั้นวิลเลี่ยน วาเลนไทน์จึงตื่นขึ้นเพียงแค่ปีละครั้ง และดูเหมือนการหลับชาร์จพลังงานตลอดปีนี้เองจะส่งผลให้เทพแห่งความรักมีพลังงานเหลือล้น ไฮเปอร์เสียจนบางครั้งแจ็คแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะเตะหมอนี่ให้ปลิวตกลงไปอยู่ขั้วโลกใต้แผลงศรใส่เพนกวินให้มันรู้แล้วรู้รอด


“ข้าไม่มีใครทั้งนั้นล่ะ” รู้จักกันมาสามร้อยปี แจ็คก็ตอบแต่ประโยคนี้สามร้อยปี แหงล่ะ ในเมื่อไม่มีใครมองเห็นเขา จะให้ไปปิ๊งกับสาวที่ไหนได้เล่า (อย่าพูดแม้แต่ตัว ท.ทหารของตัว ทูธ ออกมาเชียว ไม่สิ แค่คิดก็ห้าม!)


ไม่สิ...


แจ็คชะงักไปเมื่อพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


มีอยู่นี่นา คนที่มองเห็นเขา...ของขวัญที่เขาได้รับเมื่อค่ำคืนคริสมาสต์ที่ผ่านมา


...แม่สาวน้อยคนนั้น...


“อ๊ะๆๆ เจ้าโกหกเรื่องนี้กับข้าไม่ได้หรอกนะ” วิลเลี่ยนชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนแทบติดกัน ริมฝีปากฉีกยิ้มชั่วร้ายไม่น่าไว้ใจสุดๆ “อย่าโกหกเสียให้ยากเลย... เจ้ามีใครบางคนที่กำลังเฝ้าคิดถึงอยู่ใช่ม๊า...”


แจ็คหลุดออกจากภวังค์ในทันที เขาปั้นสีหน้ารำคาญ เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพแห่งความรักแล้วเหมือนว่ามันจะไม่ได้ส่งผลใดๆ เลย แต่ก็ยังดีที่วิลเลี่ยนเลิกพูดจายั่วโมโหเขาเสียที ไม่อย่างนั้นปีนี้คงมีคู่รักหลายคู่ที่ต้องคลาดกันเพราะเทพแห่งความรักถูกจับแช่เป็นก้อนน้ำแข็งอยู่ขั้วโลกเหนือแหงๆ


เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องตัวแสบไม่ยอมคายความลับออกมา วิลเลี่ยนจึงได้แต่ยักไหล่ เอาเข้าจริงแล้วถึงเขาจะควงปืนไปมา แต่มันก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างเหมือนอย่างเทพพิทักษ์ตนอื่นๆ


เทพแห่งความรัก...ก็แค่ชี้นำความกล้า... ไม่ใช่เวทมนต์หรืออำนาจครอบงำใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่พอจะควบคุมความรักได้หรอก งานของวิลเลี่ยนก็แค่ยิงศรออกไป ชี้นำให้หนุ่มสาวที่ต้องตาต้องใจแต่ไร้ความกล้าได้มีโอกาส...สร้างโอกาสเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาได้พูดคุยทำความรู้จักกัน สร้างบรรยากาศชักนำให้เคลิบเคลิ้มหลงใหล และหลังจากนั้น...ความรักจะเป็นสิ่งชักนำพวกเขาเอง หรืออันที่จริง...พวกเขาต่างหากที่ช่วยกันสานรักขึ้นมา


นั่นล่ะ มนต์มายาของวิลเลี่ยน วาเลนไทน์


แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ ชื่อวิลเลี่ยน(Villain)นี่ฟังแย่ชะมัด เขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายนะ ถึงจะแบกปืนบินไปมาก็เถอะ ไม่รู้ตอนตั้งชื่อบุรุษบนดวงจันทร์คิดอะไรอยู่ ไม่สิ ชื่อแจ็คของแจ็คฟรอสต์ก็มีมาแต่เดิมนี่นะ หรืออันที่จริงก่อนเขาจะมาเป็นวิลเลี่ยน วาเลนไทน์ เขาก็เป็นวิลเลี่ยนมาก่อนอยู่แล้ว? อื้ม...เอาไว้ถ้ามีโอกาสค่อยลองไปถามทูธดูก็แล้วกัน


“เจ้ากำลังจะไปไหน” ก่อนที่จะได้คิดอะไรนอกเรื่องไปมากกว่านี้ คำถามของแจ็คก็ดึงเขาออกจากโลกส่วนตัวเสียก่อน


วิลเลี่ยนกลอกตาไปมาอยู่สองทีก่อนที่เจ้าตัวจะฉีกยิ้มกว้างแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดๆ ว่า “เอเรนเดลล์!


แจ็คเลิกคิ้วขึ้นสูง “ทำไมถึงต้องเป็นที่นั่น?” ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงแค่เมืองเล็กๆ นี่นา


“...เพราะ.............ที่นั่นมีอะไรน่าสนุกอยู่ไง! ฮ่าฮ่า! อยากรู้ก็ตามมาสิ แจ็ค!” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไร ชายร่างเล็กก็กระโดดไปยืนบนปืนกล และทันทีที่นิ้วมือเล็กๆ นั่นลั่นไก กระสุนมากมายก็ถูกยิงออกมาเป็นแรงส่งให้เทพแห่งความรักบินจากไปด้วยความรวดเร็ว เพียงพริบตาร่างของอีกฝ่ายก็กลายเป็นจุดเล็กๆ อยู่บนเส้นขอบฟ้าสุดสายตา


กระสุนที่ถูกยิงร่วงหล่นลงไปข้างล่าง เมื่อมองให้ชัดๆ แล้วก็พบว่ามันเป็นรูปหัวใจสีชมพู เมื่อยามที่ตกลงถึงพื้นโลก มันก็ลอยไปหาผู้คนที่เดินสวนกันขวักไขว่ เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ ทำให้ใครบางคนเดินชนกัน เกิดเหตุบังเอิญให้คนคู่หนึ่งทำสิ่งของตกแล้วก้มลงเก็บ มุขที่เห็นตามนิยายน้ำเน่าทั้งหลายน่ะ เกิดขึ้นบ่อยเป็นพิเศษในวันนี้เพราะแบบนี้ล่ะ!


“เฮ้ย! อะไร แล้วทำไมข้าต้องตามเจ้าไป? .........เดี๋ยวนะ เอเรนเดลล์งั้นเหรอ........?” แจ็คมองอีกฝ่ายที่ปรู๊ดปร๊าดจากไปอย่างมึนงง หากทว่าวินาทีต่อมาเขาก็ต้องเบิกตากว้าง “..................เอลซ่า!!” เมื่อความคิดทุกอย่างบรรจบลงที่แม่สาวน้อยคนนั้นแล้ว แจ็คก็ไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียเปล่าไปแม้แต่วินาทีเดียว เทพแห่งฤดูหนาวรีบตะโกนสั่งสายลมให้พัดพาตนตามติดเจ้าวายร้ายตนนั้นไปอย่างรวดเร็ว!!


เรื่องอะไรที่แจ็คจะยอมให้วิลเลี่ยนแผลงศรใส่เอลซ่า ไม่มีทาง! ไม่มีวัน!


...อันที่จริงแจ็คก็ลืมไปเสียสนิท...ว่าต่อให้วิลเลี่ยนทำเช่นนั้นจริงๆ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขานี่นา หน้าที่ของผู้พิทักษ์คือการปกป้องเด็กๆ ต่อให้รวมแม่สาวน้อยคนนั้นเป็นหนึ่งในหมู่เด็กที่เขาต้องปกป้องก็เถอะ แต่เทพแห่งความรักไม่มีทางทำอะไรที่จะก่อให้เกิดอันตรายแน่


แต่ดูเหมือนเจ้าซื่อบื้อนั่นจะไม่ได้รู้สึกตัวเอาเสียเลย


วิลเลี่ยนเหลือบมองผู้พิทักษ์ที่ตามตนมาติดๆ พลางหัวเราะลั่นราวกับวายร้ายที่เห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน


ก็บอกแล้ว...ว่าเทพแห่งความรักทำได้เพียงแค่ชักนำ


เอ๊ะ ก็บอกว่าชักนำไง ไม่ได้ล่อลวงสักหน่อยนึง!







----------------------1/2----------------------








ฮึฮึฮึฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่า
แงงงงง
ลงทีละครึ่งอีกแล้ว เขาว่ากันว่าคนเราจะต้องมีความเสมอต้นเสมอปลายถึงจะดีใช่มั้ยล่า เพราะงั้นก็เลยเขียนไม่ทันอย่างเสมอต้นเสมอปลายไง๊!
#โดนชก
ฮือออ /กราบ
ฟิคคริสมาสต์คราวที่แล้วก็ลงจนจบทันก่อนวาเลนไทน์อ่ะนะ เพราะงั้นฟิควาเลนไทน์จะลงให้จบทันก่อนอีสเตอร์ก็แล้วกันนะคะ! #อุ้กใครเฟวี้ยงรองเท้ามา ว่าแต่ปีนี้อีสเตอร์มันวันไหนกันนะ... #...
เปลี่ยนเรื่อง
ตอนเขียนอยากจะอุทานว่าเฟวี้ยยย ฮือ เวลาที่เขียนอันนา แจ็ค หรือวิลเลี่ยนเนี่ย ในหัวมันจะมีเป็นภาพวิ่งปรู๊ดปร๊าดเฟี้ยวฟ้าวเป็นฉากๆ ตอนๆ เลย ซึ่งการเขียนให้ได้จังหวะระดับนั้นม่าง...ม่างงง ม่างงงงงงง สรุปก็คือเอลซ่าเขียนง่ายที่สุดแล้วค่ะ เยือกๆ เย็นๆ สงบๆ ...ที่สำคัญคือไม่ปรู๊ดปร๊าดน่ะ เป็นฟิคที่มูฟเม้นต์สูงที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลยก็ว่าได้... //แน่นอนว่าสูงกว่าฟิคบาส...เพราะเราข้ามฉากเล่นบาสไปยังไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า #โดนชกซ้ำ
วิลเลี่ยนเป็น OC ค่ะ ตอนแรกตั้งใจจะให้ชื่อว่า Variant เวลาตั้งชื่อเรื่องจะได้เอาเป็นชื่อ Variantine #สิ้นคิดอีกแล้วนะ… แต่ไปๆ มาๆ ก็จบลงที่ชื่อ Villain อย่างงงๆ
คงจะออกแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่มีโอกาสผุดไปเรื่องอื่น (แอบเสียดาย) แต่ก็ชอบนายนี่มากๆ อ่ะนะ ...ในด้านการจีบปากจีบคอพูดแซะ #นี่มันอินเนอร์…
อุ้ก ไปๆ มาๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยล์ครึ่งหลัง งั้นขอจบทอล์กเอาไว้แต่เพียงเท่านี้
สวัสดีวันมาฆะบูชาแห่งความรักค่ะ!


เย้!!
14/02/2014 กับทอล์กที่ไม่รู้ว่าจะยาวไปไหน








วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

[Crossover ROTG*Frozen Fanfic] Jack Frost is coming to Arendelle




ฟ้ายังไม่ทันสางดี ราชินีแห่งเอเรนเดลล์ก็มีอันต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงประตูเปิดปัง เธอพยายามฝืนเปลือกตาขึ้นมอง หากทว่าดูเหมือนมันช่างทำได้ยากเย็นเหลือเกิน “เอลซ่า!” เสียงสดใสของอันนาดังขึ้นอยู่ข้างเตียง ยิ่งพอรู้ว่าเป็นน้องสาวของตนแล้ว ก็ดูเหมือนว่าเปลือกตาจะหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม ความตระหนกก่อนหน้านี้จางหายไปอย่างรวดเร็ว และเอลซ่าก็มุดตัวลงใต้ผ้าห่มหลบหนีจากความพยายามปลุกเธอของน้องสาว
ผ้าห่มถูกกระชากออกไป อากาศหนาวเย็นพรมลงบนร่าง ถึงแม้เธอจะเป็นราชินีหิมะ ความหนาวเย็นทำอะไรเธอไม่ได้ แต่เอลซ่าก็ยังชอบสถานที่อบอุ่นอยู่ดี มือเรียวบางควานหาผ้าห่มที่ถูกแย่งไป แต่สิ่งที่ยื่นมาจับคือมืออุ่นๆ ของอันนา
หลังจากนั้นน้องสาวก็ดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่ง เอลซ่าจึงจำต้องตื่นด้วยประการฉะนี้เอง


“สุขสันต์วันอีฟ!
ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ผู้คนแต่งกายด้วยอาภรณ์หนาอุ่นมีสีสัน ร้านรวงประดับประดาตกแต่งให้เข้ากับงานเทศกาล แม้กระทั่งพระราชวังเองก็เช่นกัน เอลซ่ามองลงไปจากระเบียงกว้าง ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นด้วยลมสิ้นปี แต่ก็ไม่มีใครยี่หระกับมันแม้แต่คนเดียว
เอเรนเดลล์เป็นเมืองหนาว เพราะฉะนั้นเทศกาลฤดูหนาวอย่างคริสต์มาสจึงนับว่าเป็นเทศกาลใหญ่ บ้านทุกหลังตกแต่งสวยงาม ปล่องไฟถูกเช็ดถูทำความสะอาดเตรียมต้อนรับซานตาคลอส กลิ่นหอมของขนมเค้กและช็อคโกแล็ตลอยอบอวล
ที่ลานกลางหมู่บ้านนั่น...เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังถือถาดใบใหญ่ที่บรรจุคุกกี้หน้าตาน่ารักเอาไว้จนเต็ม ขนาดของถาดใหญ่เสียจนเด็กน้อยต้องกางแขนออกจนสุดเพื่อจับขอบทั้งสองด้านของมัน ดูทุลักทุเลแต่เมื่อได้เห็นสีหน้ามุ่งมั่นพยายามนั่นแล้วก็รู้สึกว่า...น่ารักมาก
รู้ตัวอีกทีเอลซ่าก็พบว่าเธอกำลังเอาใจช่วยเด็กน้อยคนนั้นโดยไม่รู้ตัว
“อ๊ะ!?” หญิงสาวอุทานเมื่อลมหอบใหญ่พัดมาจนร่างเล็กๆ นั้นเซซวนจวนล้ม ถาดใบใหญ่เอียงกะเทเร่ตามไปด้วย มือเรียวบางยื่นออกไปข้างหน้า ก่อนที่เด็กน้อยจะล้มก้นจ้ำเบ้า หิมะนุ่มฟูราวกับเบาะก็พูนขึ้นอย่างไร้ที่มา รองรับร่างนั้นเอาไว้ได้ทันท่วงที คุกกี้ทุกชิ้นอยู่รอดปลอดภัยในถาด
ชาวบ้านรอบข้างดูจะตกอกตกใจกับเหตุการณ์นี้ แต่มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปและไม่มีใครทันได้ขยับตัวทำอะไร หญิงคนหนึ่งที่ดูจะเป็นแม่เด็กวิ่งเข้ามาหาลูกน้อยด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นร่องรอยของหิมะบนพื้นแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองมายังปราสาท
บนระเบียงมีเพียงบานหน้าต่างที่เปิดกว้าง ไม่มีแม้แต่เงาของใครสักคน
เธอมองกองหิมะบนพื้นที่เสียรูปไปจากเดิมเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ถึงแม้ปีนี้อากาศจะเย็นจัด...แต่หิมะก็ยังคงไม่ตกลงมาแม้แต่เกล็ดเดียว


แจ็ค! เลิกแกล้งเด็กๆ ของข้าได้แล้ว!” นอร์ธหันไปแว้ดใส่อย่างหมดความอดทนเมื่อแจ็คฟรอสต์ที่อาสามาช่วยงานอย่างขันแข็งผิดปกติวิสัยจอมป่วนเอาแต่เสกหิมะก้อนเบอเริ่มไล่ทับลูกน้องของเขา... นี่มันแจ็คฟรอสต์จอมป่วนตัวจริงเสียงจริง เห็นได้ชัดว่าถึงแม้จะมีตำแหน่งผู้พิทักษ์แล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่เอาน่า แจ็คโหนตัวจากบนเครื่องสร้างของเล่นเครื่องหนึ่งลงมาจนเกือบถึงพื้น นอร์ธทำตาโตเพราะพื้นข้างล่างน่ะเต็มไปด้วยของเล่นที่ยังไม่ได้ห่อของขวัญทั้งนั้น บางชิ้นสียังไม่ทันแห้งด้วยซ้ำ ตกลงแจ็คมันจะมาช่วยเขาทำงานหรือช่วยทำยุ่งกว่าเดิมกันแน่!
ทว่าถึงแจ็คจะป่วนยังไงแต่ก็ยังไม่ได้ร้ายถึงขนาดจะเหยียบลงบนแก้วตาดวงใจของเพื่อนได้ลงคอ มือเรียวคว้ากิ่งสนเอาไว้แล้วห้อยต่องแต่งอยู่เหนือพื้น มืออีกข้างกวาดออกไปให้สายลมหอบของเล่นหย่อนลงในกล่อง ตุ๊กตา เกม ขนม เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับและสารพัดข้าวของประดามีทั้งหลายถูกเนรมิตรขึ้นมา ในเวลาเพียงพริบตาของเล่นทั้งหมดก็ถูกหอบลงกล่อง เยติจัดการแบ่งของขวัญใส่ลงถุงสีแดงสด แล้วยกไปวางไว้ที่รถเลื่อนประจำตำแหน่ง
แจ็คหัวเราะลั่น ขณะที่นอร์ธสบถอุบเรื่องที่อีกฝ่ายเกือบทำเขาหัวใจวายตาย
...ปีนี้ซานต้าคลอสก็ยังคงงานยุ่งเช่นเคย...  

เฮ้! ท่าทางปีนี้นอร์ธจะยุ่งจนหัวหมุนจริงๆ ถึงได้ยอมให้ข้าช่วยออกมาส่งของขวัญให้เด็กๆ เนี่ย เจ้าว่างั้นมั้ย?” แจ็คตะโกนถามดวงจันทร์บนท้องฟ้า แน่นอนว่ามีเพียงความเงียบตอบกลับมา โชคดีที่แจ็คไม่ได้ต้องการคำตอบอยู่แล้ว ดึกดื่นเที่ยงคืนเต็มที เขาจึงเร่งสายลมให้โหมพัดแรงขึ้น พาตนเองข้ามผืนน้ำกว้างไกลสุดสายตา
มือเรียวยาวควานไปด้านหลังหยิบแผนที่ออกมาเช็คดูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกลับไปยังรังของนอร์ธ  เอ่อ ตะวันตก ตะวันตกเรียบร้อย ตะวันตกเฉียงเหนือเรียบร้อย สุดท้าย...เหนือ เพิ่งผ่านไป เรียบร้อย!” แจ็คยิ้มกว้างก่อนจะโยนแผนที่ลงไปในถุงบรรจุของขวัญอันว่างเปล่า
...หรืออันที่จริงแล้วน่าจะบอกว่า ควรจะว่างเปล่า
หือ? ในถุงใบใหญ่ที่พาดอยู่บนบ่ายังมีอะไรบางอย่างบรรจุอยู่ แจ็คฟรอสต์เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองทำงานส่งของขวัญได้เรียบร้อย ไม่ได้ตกสำรวจเด็กบ้านไหนไป แต่เมื่อลองเปิดถุงออกมาแล้วก็พบว่ายังมีกล่องของขวัญเหลืออยู่อีกใบจริงๆ
แจ็คหยิบกล่องใบนั้นมาพลิกดู อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่คนความจำดีนัก แต่ไม่ว่าจะพลิกหน้าพลิกหลังดูยังไงแล้ว...กล่องใบนี้ก็ไม่เคยปรากฏในความทรงจำของเขามาก่อน และไม่ทราบเช่นกันว่าด้วยเหตุใด...อาจจะเป็นเพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์กระมัง แจ็คจึงค่อนข้างมั่นใจว่ากล่องใบนี้ไม่ใช่ของนอร์ธ...,มันไม่เหมือนกัน ของขวัญของนอร์ธจะแฝงไว้ด้วยความรื่นเริงสนุกสนาน มีความเข้มแข็ง มีกลิ่นอายของต้นสน เป็นสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง เป็นของขวัญงานเทศกาลโดยแท้จริง
กล่องของขวัญในมือแจ็คเป็นสีฟ้า...อ่อนจางจนแทบเป็นสีขาว เหมือนสีของหิมะ เหมือนสีของน้ำแข็ง เป็นสีที่แจ็คคุ้นเคยดี แต่ขณะเดียวกัน...มันก็แฝงไว้ด้วยบางสิ่ง...
กล่องของขวัญใบนี้ให้ความรู้สึกเย็น... เย็นราวกับว่ามันจมอยู่ใต้ธารน้ำแข็งมาเนิ่นนาน... เขายอมรับว่ามันสวยงาม สงบ ทว่าช่างเปลี่ยวดายจนชวนให้นึกถึงอดีตเมื่อครั้งยังไม่มีใครมองเห็น...
แต่นั่นเป็นเพียงอดีต
แม้จะไม่มีใครยอมรับ แม้จะไม่มีใครมองเห็น แต่หิมะของเขาก็เต็มไปด้วยความรื่นเริงสนุกสนาน หิมะของเขาสร้างเสียงหัวเราะ สายลมของเขาทำให้รอยยิ้มผลิบาน...สิ่งเหล่านั้นเป็นความอบอุ่นท่ามกลางความหนาวเย็น เพื่อเฝ้ารอดวงตะวันยามไม้ผลิใบ เพื่อขับเคลื่อนให้ฤดูกาลผันเปลี่ยนไป
แต่สิ่งนี้...กล่องของขวัญในมือนี้...ราวกับติดอยู่ในฤดูหนาวตลอดกาล
“.........ใครเป็นเจ้าของของขวัญกล่องนี้กัน?...” แจ็คฟรอสต์เงยหน้าขึ้นถามดวงจันทร์
...ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขากลับเป็นแสงไฟ...จากเมืองเมืองหนึ่ง...


แจ็คฟรอสต์ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าเมืองนั้น  ก้มมองลงไปอย่างประหลาดใจ บ้านเมืองเบื้องล่างดูสวยงามประหลาดตา แต่ขณะเดียวกันก็มีกลิ่นอายของอารยะที่เขาไม่คุ้นเคย ทว่าเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงจันทร์ก็ยังคงเป็นดวงเดิมกับที่เขาเคยรู้จัก “เฮ้” แจ็คลองส่งเสียงร้องเรียก แต่ดวงจันทร์ก็ยังคงทอแสงอ่อนละมุนลงมาอย่างเงียบงันเช่นเคย
ผู้พิทักษ์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ยังไงเสียคืนนี้งานของเขาก็เสร็จแล้ว จะใช้เวลาที่เหลือเล่นอยู่ที่นี่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับเด็กๆ หรอก
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นแล้วแจ็คจึงพาตัวเองเข้าไปในตัวเมือง เขาลอยผ่านบานหน้าต่างหลายบาน ผ่านบ้านหลายหลัง นอกจากแสงไฟในเตาผิงที่จุดขึ้นเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในยามหลับแล้ว ทุกอย่างก็ตกอยู่ท่ามกลางการหลับใหลเงียบงัน
แจ็คยิ้มกับตัวเองอย่างเงียบๆ แล้วผละออกมาจากหน้าต่างของบ้านหลังหนึ่ง เขาให้สายลมพัดพาตัวเองขึ้นสูงเหนือหลังคา ไม่ไกลจากที่เขาอยู่มีหอระฆัง แจ็คจึงอาศัยที่นั่นเป็นสถานที่หยุดพักและดื่มด่ำกับความงดงามเงียบสงบราวกับต้องมนตร์ขลัง ถึงเขาจะเป็นผู้นำความสนุกสนานมาสู่เด็กๆ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจความสงบอะไรนี่
จากบนยอดหอระฆังนั้นเอง...แจ็คก็มองเห็นหน้าต่างบานหนึ่งที่มืดสนิท...ไร้ซึ่งแสงไฟ...
เสียงบางอย่างดังขึ้น...อาจจะเป็นเสียงของดวงจันทร์ หรือบางทีอาจจะเป็นเสียงจากตัวเขาเอง แต่ไม่ว่าเสียงนั้นจะมาจากไหน แจ็คก็พบว่าตนเองมาหยุดอยู่หน้าหน้าต่างบานนั้นเสียแล้ว แจ็คกอดอกเอียงคอมองบานหน้าต่างที่มืดสนิท พลางขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าเจ้าของห้องนั้นปิดผ้าม่านเสียมิดชิดจนไม่อาจแอบมองเข้าไปได้
ถ้าเป็นปกติ...แจ็คคงไม่สนใจแล้วบินไปหาอะไรอย่างอื่นที่น่าสนุกทำ แต่ทว่าค่ำคืนนี้ดูเหมือนจะห่างไกลจากคำว่าปกตินัก เขามองขึ้นไปด้านบน เห็นปล่องไฟที่ไร้ควันอยู่เหนือหน้าต่างบานนั้น น่าจะเป็นปล่องไฟของห้องที่ดึงดูดความสนใจของเขาอย่างไร้เหตุผล  ดังนั้นแล้ว...แจ็คจึงให้สายลมพาตนเองขึ้นไป
อันที่จริงการหย่อนตัวเองลงไปในปล่องไฟไม่ใช่วิสัยปกติของแจ็คสักเท่าไหร่ แน่ล่ะ ก็เขาไม่ใช่ซานต้าคลอสต์นี่ ถึงวันนี้จะทำหน้าที่แทนในบางพื้นที่ก็เถอะ แต่แจ็คก็พบว่าเขาทำได้ไม่เลวเลย
เขาห้อยหัวอยู่กลางอากาศ โผล่แต่ลูกกะตาออกมาจากกรอบเตาผิง ภายในห้องมืดมาก ผ้าม่านหนาสีเข้มทำให้แสงจันทร์มิอาจเล็ดรอดผ่านเข้ามา  แจ็ครู้สึกเพียงแต่ว่าภายในห้องมืดเกินไป แต่ทั้งๆ อย่างนั้น...เขากลับมองเห็น
ผ่านไปหลายวินาทีแจ็คจึงตระหนักถึงเรื่องนั้น เขามองสำรวจโดยรอบอย่างละเอียด กลับตัวลงมายืนบนพื้นพรมหนานุ่มของห้องกว้างด้วยฝีเท้าเงียบกริบ ภายในห้องมืดนั้น...มีเกล็ดละอองเล็กๆ สะท้อนแสงแวววามส่องสว่างท่ามกลางความมืด เกล็ดนั้นโปรยปรายจากความว่างเปล่า ร่วงหล่นลงบนผืนพรม แล้วก็จางหายไปท่ามกลางความว่างเปล่าเช่นเดียวกัน นั่น...ดูราวกับ...
เกล็ดแวววามนั้นร่วงลงมากระทบใบหน้าของเขา มันให้ความรู้สึกเย็น...และคุ้นเคย
...หิมะ...
เป็นหิมะที่ส่องประกาย
แจ็คเงยหน้า แบมือออกไปรับเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา ดวงตาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ผู้ที่มักเป็นฝ่ายสร้างความประหลาดใจให้ผู้อื่น เวลานี้กลับได้แต่นิ่งงันเสียเอง
ค่ำคืนนี้ช่างน่าประหลาด หรือเพราะเป็นคืนคริสมาสต์กันนะ คืนที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง ความยินดี และการก่อกำเนิดหวนคืน
แค่กเสียงไอเบาๆ ดังขึ้นเรียกให้แจ็คสะดุ้งสุดตัว เขาเบิกตากว้าง รู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองกำลังบินสูงจนหัวแทบโขกเพดานห้อง ดวงตาสีอ่อนมองลงมาและพบว่าอีกด้านหนึ่งของห้องมีเตียงกว้างหลังหนึ่งตั้งอยู่...เสียงดังมาจากตรงนั้นเอง
แจ็คถอนหายใจ นึกขำตัวเองที่ดันตกใจเสียใหญ่โต ยังไงซะเจ้าของห้องนี้ก็คงมองไม่เห็นเขา ไม่รู้จะตกใจไปทำไม
ด้วยความสงสัย...แจ็คฟรอสต์จึงลอยเอื่อยๆ ไปทิ้งตัวตุบลงบนพื้นพรมข้างเตียง ก้มลงมองมนุษย์ที่ส่งเสียงจนทำให้เขาตกใจแทบตายเมื่อครู่นี้
...แล้วเขาก็นิ่งไป...
แจ็คข้ามผ่านหิมะแรกของฤดูกาลมาหลายร้อยครา ได้เห็นอะไรมามากมายทั้งสิ่งที่สวยงาม ทั้งสิ่งทีอัศจรรย์ และปาฏิหาริย์.
...แต่เขาไม่เคยพานพบความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน...
เหมือนทุกสิ่งกลายเป็นสีขาวโพลน
สิ่งที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นเป็นมนุษย์คนหนึ่ง...เขาแน่ใจว่านางเป็นมนุษย์ แม้จะมีบางสิ่งที่ต่างออกไป แต่ยังไม่ทันได้วิเคราะห์ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เปลือกตาบางที่ปิดสนิทจนถึงเมื่อครู่นี้ก็พลันขยับเล็กน้อย แล้วจึงปรือเปิดขึ้น...
...เป็นสีฟ้าที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา...
...แต่ก็เป็นสีฟ้าที่เศร้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาด้วยเช่นกัน...
ในอกพลันปวดหนึบ แจ็คยื่นมือออกไปแตะแก้มขาวของอีกฝ่ายเบาๆ แม้จะรู้ดีว่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่มีทางเห็นตนก็ตาม
สัมผัสจากอีกฝ่ายให้ความรู้สึกเหมือนปุยหิมะ เนียนละเอียดและอ่อนนุ่ม
.........
...เดี๋ยวนะ...
แจ็คมองดวงตาสีฟ้าที่เบิกกว้าง ความตื่นตระหนกเข้ามาแทนที่ความง่วงงุน  แก้มเย็นๆ ของอีกฝ่ายยังคงให้สัมผัสอ่อนนุ่มอยู่ใต้ปลายนิ้ว...แต่...ทำไมเขาถึงสัมผัสนางได้ล่ะ...?
จ..เจ้าเป็นใคร!?...เสียงของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่นั่นยังไม่ได้ทำให้แจ็คตกใจเท่าหอกน้ำแข็งแหลมคมหลายเล่มที่ผุดขึ้นมาจากพื้น ก่อนที่มันจะเสียบคอของเขาเข้า แจ็คก็อาศัยความว่องไวกระโดดถอยห่างออกไป ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก แจ็คไม่เคยเจอผู้ใหญ่ที่มองเห็นเขามาก่อน ส่วนเอลซ่าเองก็ไม่เคยถูกคนแปลกหน้าบุกรุกถึงห้องบรรทมมาก่อนเช่นกัน
เอ่อ... แจ็คก้าวเท้าเข้าไปหา คิดแต่เพียงว่าต้องอธิบายให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจผิดเสียก่อน แต่ทว่าปฏิกิริยาของหญิงสาวกลับเป็นการสะดุ้งสุดตัว ตื่นตระหนกราวกับสัตว์เล็กๆ เสียจนแม้กระทั่งเขายังพาลตกใจตามไปด้วย
ร่างบอบบางผุดลุกจากเตียงหนีไปอีกฝั่ง หันมาจ้องเขาด้วยดวงตาสีฟ้ากลมโตพลางขู่ อย่าเข้ามานะ!”
แจ็คยกสองมือขึ้นเป็นเชิงบอกว่ายอมแพ้และแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตนไม่มีอาวุธ ใจเย็นสาวน้อย ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ
ดวงตาสีฟ้าสวยงามหรี่ลง สีหน้าบ่งบอกว่าไม่เชื่อสิ่งที่คนแปลกหน้าเอ่ยออกมาแม้สักกระผีก แจ็คเกาหัวแกร่กๆ อย่างจนใจ เขาไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการรับมือกับผู้หญิงที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับกระต่ายแบบนี้สักเท่าไหร่...ถึงแม้ใกล้ๆ ตัวเขาจะมีทั้งผู้หญิง(ทูธน่าจะนับว่าเป็นผู้หญิงได้นะ...ใช่มั้ย?) และกระต่าย(...โหด โฉด เถื่อน)ก็เถอะ
สิ่งที่อยู่ในมือเจ้าคืออะไร?
มือ? แจ็คเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ในที่สุดว่าอันที่จริงแล้วมือที่ชูให้ดูเมื่อครู่นี้ไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่ตนคิด ถุงใส่ของขวัญ... ติดมาโดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิด
อ้อ...ถุงใส่ของขวัญน่ะ...ข้าเป็น...เป็น...อื้ม...สำหรับคืนนี้ ข้าคือซานต้าคลอสต์ไงล่ะ!” ไม่ได้โกหกนะ
...หลังจากนั้น เมื่อมาคิดๆ ดูในภายหลังแล้ว...แจ็คที่แสนจะหัวช้าและทึ่มทื่อก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่า บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญ
ไม่ใช่ความบังเอิญที่มีกล่องชองขวัญปริศนาเหลืออยู่ในถุงแจกของขวัญของนอร์ธ
ไม่ใช่ความบังเอิญที่เขามาปรากฏตัวที่นี่...ที่เมืองนี้
ไม่ใช่ความบังเอิญที่เขาถูกดึงดูดด้วยบานหน้าต่างที่มืดมิด ปิดสนิทและไร้ซึ่งแสงไฟ
...ไม่ใช่ความบังเอิญ...ที่เขาได้พบกับนาง...
แต่นั่นเป็นเรื่องในกาลหลัง ตอนนี้เขาควรเอาตัวให้รอดก่อนดีกว่า
หอกน้ำแข็งแหลมคมผุดขึ้นจากพื้นมาจ่ออยู่ปลายจมูกของเขา นางยังไม่คลายท่าทีหวาดระแวง บ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดแม้แต่น้อย แจ็คไม่มีท่าทีครั่นคร้ามต่อสิ่งที่กำลังจะแทงเขาทะลุอยู่แล้วแม้แต่น้อย เห็นแบบนี้แต่เขาก็เป็นผู้พิทักษ์นะ อีกอย่าง...เขาตายไปแล้ว ถ้าโดนมนุษย์ฆ่าซ้ำอีกทีก็คงน่าขายหน้าไปหน่อยล่ะ
ถึงแม้เธอผู้นี้จะมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปก็ตาม
ข้าแนะนำตัวไปแล้วนะ แจ็คยิ้ม มือข้างที่ไม่ได้ถือถุงของขวัญยื่นไปแตะเบาๆ บนปลายของแท่งน้ำแข็ง มันสั่นเล็กน้อย...เหมือนกำลังจะ......จาม?
ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้อง แท่งน้ำแข็งของเธอก็ จาม ออกมา เสียงที่ก้องสะท้อนคือเสียงของสายลมที่พัดหวีดหวิว แล้วแท่งน้ำแข็งที่เธอเสกออกมาก็กระจักกระจาย เป็นหิมะที่ลอยขึ้นสูง เป็นเกล็ดผลึกที่ตกลงบนพื้นพรม และขณะที่กำลังตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นเอง ร่างของชายแปลกหน้าก็พลัน...ลอย?
เอลซ่าเบิกตากว้างอย่างตกใจ เรียวขาเล็กบอบบางก้าวผงะไปด้านหลัง หากทว่าถึงแม้ห้องบรรทมของราชินีจะกว้างขวางสักแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ห้องห้องหนึ่ง จะมีพื้นที่สำหรับหนีสักกี่มากน้อยกันเชียว
พริบตาต่อมาเอลซ่าก็พบว่าข้างหลังของตนเป็นกำแพง ไม่มีที่ให้หนีแล้ว คนแปลกหน้ากำลังลอยเข้ามาหา...ไม่ได้รวดเร็วจนเป็นการจู่โจม แต่ก็น่าขนลุกสิ้นดี
สองมือยื่นไปข้างหน้า สร้างปราการน้ำแข็งบางใสขึ้นมากางกั้นแม้จะตระหนักดีอยู่แล้วว่ามันไม่สามารถทำอะไรคนตรงหน้าได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วเอลซ่าก็เพิ่งเคยพบกับคนที่รับมือกับพลังที่เปรียบดั่งคำสาปของเธอได้เป็นครั้งแรกเช่นกัน แต่หญิงสาวก็หวังว่าอย่างน้อยมันก็น่าจะประวิงเวลาเอาไว้ได้สักพัก... ท..ทหา----!...อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีใครมา...
เสียงเล็ดรอดไปเพียงแผ่วเบา แทบไม่พ้นลำคอด้วยซ้ำ แล้วชายตรงหน้าก็พุ่งเข้ามาเอาอุ้งมือตะปบปากของเธอเอาไว้ กิริยาจาบจ้วงไร้มารยาททำให้ราชนิกุลสูงศักดิ์ถึงกับสะดุ้งสุดตัว เขา ‘บิน’ ผ่านน้ำแข็งของเธอมาได้ราวกับมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียด้วยซ้ำ ทำให้มันกลายเป็นปุยหิมะและเกล็ดน้ำแข็งเหมือนกับอาวุธก่อนหน้านี้
ชู่วววเขาแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของตัวเอง ฉีกยิ้มอย่างที่(คิดเอาเองว่า)ดูอบอุ่น น่าไว้วางใจเป็นที่สุด ถ้าถูกเจอเข้าล่ะก็...ปีหน้าเจ้าจะไม่ได้ของขวัญจากซานตาคลอสนะ!”
เจ้าไม่ใช่ซานตาสักหน่อย” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีมืออีกฝ่าย ใช้ดวงตาสีฟ้าสวยจ้องเขม็งพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ฟังดูดุดันน่ากลัวที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ซานตาให้ของขวัญแต่เด็กๆ ที่แขวนถุงเท้าเอาไว้หน้าเตาผิง ซึ่งหนึ่ง เราไม่ได้แขวน และสอง เราไม่ใช่เด็ก!”
แจ็คคิดว่าท่าทางแบบนั้นของหญิงสาวตรงหน้านี่ล่ะที่เด็กที่สุด แต่ก็..........น่ารักที่สุดเช่นกัน
..................................
............................
...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ...
“มีแต่เด็กเท่านั้นล่ะ ที่บอกว่าตัวเองไม่เด็กด้วยท่าทางแบบนั้นน่ะ” ก่อนที่จะทันประมวลผลทันว่าเมื่อครู่นี้ตนเองเพิ่งคิดอะไรไป ปากเจ้ากรรมก็เผลอหลุดประโยคที่ควรจะแค่คิดอยู่ในใจออกมา
ใบหน้าสวยงามที่แฝงแววเย่อหยิ่งไม่ยอมแสดงความหวาดกลัวออกมาพลันง้ำงอ “เจ้า...!!” นางตวัดมือสร้างหอกน้ำแข็งขึ้นมาหมายพุ่งเข้าเสียบชายที่อยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเพียงแค่โบกมือเบาๆ อาวุธที่เต็มไปด้วยความอันตรายนั้นก็สลายหายไป แต่นั่นก็ทำให้แจ็คหัวเราะพลางกระโดดออกห่างจากเธอเล็กน้อย อันที่จริงพลังของสาวน้อยตรงหน้าแข็งแกร่งไม่เลวเลย...เพียงแต่...ชั่วโมงบินของพวกเขามันผิดกันเยอะก็เท่านั้นเอง
อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้พิทักษ์มานาน...หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ ทว่าแจ็คก็รู้ว่าสีหน้าเช่นนี้ต่างหากที่เป็น ‘ใจกลาง’ ของน้ำแข็งอันแหลมคม น้ำแข็งที่เป็นเหมือนเปลือกนอกของกล่องของขวัญ...สวยงาม สงบ และเปลี่ยวดาย...หากเมื่อเปิดมันออกมาแล้ว...
...ก็คงมีเพียงแค่เจ้าของมันเท่านั้นที่จะรู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไร...
..........
อ้อ...อย่างนี้นี่เอง
“.........ใครเป็นเจ้าของของขวัญกล่องนี้กัน?...”
ดวงจันทร์ไม่ได้เพิกเฉยต่อคำถามของเขา และคำตอบของคำถามนั้นก็เด่นชัดอยู่ตรงหน้า
แจ็คจ้องมองอีกฝ่าย แล้วเขาก็ยิ้มออก “เป็นเจ้านี่เอง...”
มือเรียวหยิบกล่องของขวัญออกมาจากถุง เขาก้มมองดูมันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ได้แต่มองมาอย่างงุนงง มือเรียวใหญ่ยื่นกล่องของขวัญสีฟ้าจางสวยงามมาตรงหน้า เอลซ่าก้มลงมอง หากทว่าไม่กล้าที่จะยื่นมือออกไปรับ ถึงเขาจะไม่มีทีท่าว่าจะคุกคามอะไร(นอกจากการแอบเข้ามาในห้องของสุภาพสตรีเวลากลางค่ำกลางคืน) อีกทั้งยัง...เห็นได้ชัดว่าเขามีพลังมากกว่าเธอ เอลซ่าไม่เคยพบใครที่มองพลังของเธอราวกับว่ามันเป็นของเด็กเล่นเช่นนี้มาก่อน ถ้าเขาจะทำร้ายเธอ นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย แต่...การจะให้ยอมรับของจากคนแปลกหน้า(ที่รอยยิ้มของเขาช่างไม่น่าไว้ใจสิ้นดี...และ...ถึงจะไม่ค่อยอยากยอมรับสักเท่าไหร่นักก็ตาม เอลซ่าก็ต้องจำนนต่อความจริงว่าเขาเหนือกว่าเธอจนน่าเจ็บใจ)ก็ค่อนข้างต้องอาศัยความกล้าสักหน่อยอยู่ดี
หลังจากผ่านความเงียบอันน่าอึดอัดและเกมจ้องตากันสักพักแล้ว แจ็คก็เป็นฝ่ายหมดความอดทนก่อน เขาเอื้อมมือไปดึงมือเรียวเล็กของอีกฝ่ายมาแบออกตรงหน้าแล้วจึงวางกล่องนั้นลง
เมื่อเห็นว่าของขวัญถูกส่งถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยแล้ว เขาจึงดึงมือออกมา...และพบว่ามีน้ำแข็งเกาะพราวราวกับว่ามือของเขากลายเป็นไม้ไอติมไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นล่ะ แจ็คไม่ได้ต่อว่าอะไร เพียงแค่สะบัดๆ เกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่ออกพลางบ่นงึมงัม “เจ้านี่ช่างขี้ตกใจนักเชียว”
ทำไมกันนะ กับอีแค่ถูกเขาจับมือมันน่ากลัวมากขนาดนั้นเลยหรือไง เธอควรจะดีใจถึงจะถูก เขาเป็นถึงแจ็คฟรอสต์เชียวนะ! แจ็คฟรอสต์น่ะ!
“ใครว่าเราตกใจ” แม้หลักฐานจะเห็นอยู่ทนโท่คาตา แต่เอลซ่าก็ไม่มีทางยอมรับหรอก อีกอย่างการที่เธอตกใจก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหน ลองว่ามีผู้ชายแปลกหน้าบุกรุกถึงห้องนอน สลายพลังน้ำแข็งให้กลายเป็นปุยหิมะ แล้วก็ลอยได้มายืนอยู่ตรงหน้าดูสิ ดังนั้นการที่เธอจะตกใจจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ปกติสุดๆ เลยต่างหากล่ะ! กับอีแค่ของขวัญกล่องเดียวอย่าคิดว่าจะทำให้เธอลืมเรื่องที่เขาทำก่อนหน้านี้ได้นะ
แจ็คส่ายหน้าราวกับผู้ใหญ่ที่กำลังเอือมระอา แต่ก็ไม่ได้สานต่อบทสนทนาที่มีวี่แววว่าจะจบลงด้วยการที่เธอคงจะเสกน้ำแข็งออกมาแทงพุงเขาอีก
“เจ้าชื่ออะไร สาวน้อย” เปลี่ยนเป็นเอ่ยถามแทน
“เราไม่ใช่สาวน้อย ชื่อของเราคือเอลซ่า เราเป็นราชินีแห่งอาณาจักรนี้ และเจ้าก็ควรรู้ไว้เสียด้วยว่าไม่ควรเข้าห้องของสุภาพาตรีสุ่มสี่สุ่มห้า!
ถามคำเดียว...เล่นตอบเสียไม่เหลือที่ให้เขาสานต่อเลย แจ็คหัวเราะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกสักนิด เขาบินไปทางหน้าต่าง กระตุกผ้าม่านหนาหนักให้เปิดออกกว้างจนแสงจันทร์ทอลอดเข้ามา พอทำเช่นนั้นแล้ว ภายในห้องก็พลันสว่างไสวขึ้นทันตา ละอองหิมะที่โปรยปรายภายในห้องสะท้อนกับแสงจันทร์  ก่อเกิดประกายระยิบระยับอันอ่อนละมุน
แจ็คมองร่างที่ก้าวเข้ามา...วินาทีนั้น...ถ้าดวงจันทร์ไม่เรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน เขาก็ไม่แน่ใจเลยว่าตนเองจะหักห้ามใจไม่ให้เผลอลักพาตัวเธอไปได้มั้ย...
แต่ขืนทำแบบนั้นล่ะก็...จากนี้ไปผู้คนคงเล่าขานตำนานบทใหม่ของแจ็คฟรอสต์กันว่าเป็นปิศาจที่ออกมาลักพาตัวเด็กๆ แหง อึ๋ย ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขั้นนั้นหรอก เอาเป็นว่าเขาจะมีชีวิตอยู่รอดกลายเป็นตำนานบทใหม่ได้รึเปล่ายังไม่รู้เลย อย่าลืมสิว่า...โลกนี้ยังคงมีผู้พิทักษ์คนอื่นๆ นอกจากเขาอยู่อีก แค่คิดว่าต้องกลายเป็นศัตรูกับพวกนั้นแจ็คก็ปวดหัวจะแย่ เขาจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่ดวงจันทร์ ตอบอยู่ในใจว่า รู้หรอกน่า ข้าไม่ทำอะไรโง่ๆ หรอก
เห็นชายแปลกหน้าทำปากขมุบขมิบ ถลึงตาใส่ดวงจันทร์แล้ว...เอลซ่าก็หยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวเข้าไปใกล้บานหน้าต่างในทันที แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะวิ่งหนีออกไปเรียกทหารหรือจะตะครุบตัวเขาไว้เอง ชายคนนั้นก็หันหน้ากลับมากะทันหัน ทำเอาเธอเกือบเก็บอาการสะดุ้งเอาไว้แทบไม่ทัน
“ข้าชื่อแจ็ค แจ็คฟรอสต์ จำเอาไว้นะ แล้วปีหน้าข้าจะมา!” แจ็ค...เอาล่ะ ถึงตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าเขาชื่อแจ็ค
แจ็คโบกมือลา แล้วร่างของเขาก็กระโดดออกไปจากหน้าต่าง เขาไม่ได้ลอยขึ้น หากทว่าดิ่งวูบลงไปจนหญิงสาวตกใจ ร่างบอบบางถลาเข้าไปเกาะขอบหน้าต่างมองพื้นเบื้องล่างด้วยอาการกลัวๆ...กลัวว่าจะเห็นใครบางคนนอนเป็นศพอยู่หน้าพระราชวังของเธอ
หากทว่ายังไม่ทันจะได้กวาดตามองดู ร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมเสียงที่แกล้งทำให้เธอขวัญหาย ...ร่างนั้นเป็นเงามุ่งหน้าไปสู่ดวงจันทร์ การกระทำบางอย่างของเขาเหมือนกับซานตาคลอสก็จริงอยู่ แต่...
“เห็นไหม เจ้าโกหก เจ้าไม่ใช่ซานตาคลอสเสียหน่อย! แจ็คฟรอสต์!
อ๊ะ ลืมตัว
แจ็คหัวเราะ
ให้ตาย แม่สาวน้อยนั่นเป็น เด็ก’ ที่น่ารักที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลย!
เสียงหัวเราะของเขาดังไปทั่วเอเรนเดลล์ ชาวบ้านเงี่ยหูฟังเสียงสายลมที่แลดูจะคึกคักเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้ บ้างก็ลุกขึ้นมาเดินโซเซอย่างงัวเงียจะดึงบานหน้าต่างชั้นนอกปิดกั้นเสียงลม หากทว่าเมื่อเอื้อมมือออกไปและเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์แล้ว
...สิ่งที่เห็นก็เป็นยิ่งกว่าความสวยงาม...
“...อ๊ะ...หิมะ หิมะแรกตกแล้ว




---END---



---แถม---
ดวงตาสีฟ้าทอดมองออกไปนอกบานหน้าต่าง เงาร่างที่ลอยผ่านดวงจันทร์กลมโตจางหายไปแล้ว “แจ็คฟรอสต์...?” ริมฝีปากเอ่ยพึมพำแผ่วเบา
หญิงสาวเอนร่างพิงกำแพง อันที่จริงแล้วเธอควรปิดม่านแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงให้เรียบร้อย หากทว่าค่ำคืนนี้สวยงามเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้ มือเรียวยกขึ้นปิดริมฝีปากที่หาวอย่างง่วงงุน เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลง
แล้วเธอก็หลับไป...พร้อมทั้งความรู้สึกเฝ้ารอให้คริสมาสต์ปีหน้ามาถึงอย่างจดจ่อไม่รู้ตัว...







++++






ความจริงตอนแถมมียาวกว่านี้...แต่อยากพรูฟต่ออีกหน่อย XD แฮะๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้าเช่นเคยนะคะ *โค้ง* 
#exteenปิดปรับปรุงวันที่จะอัพฟิคทู๊กที...