วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

[Fic The Unique Legend] I know

I know
[ปิงเหยียนxเซี่ยซุ่ย]

note: ฟิคนี้เขียนขึ้นหลังจากอ่านเล่ม 9 จบ แต่เนื้อหาบางส่วนดันไปตรงกับเล่ม 10 เข้าโดยบังเอิญ ใครไม่อยากโดนสปอยล์ก็อย่าเพิ่งอ่านนะจ๊ะ

----------------------------------------------------------

เขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของมวลอากาศ
เหล่าภูตแห่งธาตุกำลังหวาดกลัว

เซี่ยซุ่ยลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก เมื่อมองเห็นตัวการที่ทำให้อุณหภูมิรอบๆ ผิดเพี้ยนไปก็ให้คลี่ยิ้มออกมา

อรุณสวัสดดิ์ ปิงเหยียนท่าทางไม่อนาทรร้อนใจของเขายิ่งทำให้เจ้าของใบหน้างดงามมนั้นยิ่งโมโหหนักกว่าเก่า แม้อีกฝ่ายจะไม่ขยับแม้แต่ขนคิ้วสักเส้น แต่ดูจากการที่ภูตแห่งมวลอากาศถอยออกไปอยู่เสียห่างก็พอจะเดาได้ไม่ยาก

"นายใช้พลังไปแล้ว"

นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม

"ฉันใช้พลังไปแล้ว"

และเขาก็ช่วยบอกเล่าตอกย้ำสิ่งที่พวกเขาล้วนรู้แน่แก่ใจ

เซี่ยซุ่ยยิ้มอย่างอ่อนแรง มือที่่แทบยกไม่ึขึ้นพยายามยื่นออกไปหาอีกฝ่าย แม้ความกรุ่นโกรธจะยังคงไม่จางหาย แต่ปิงเหยียนก็รีบรับมือของอีกฝ่ายไว้ด้วยกลัวว่าคู่หูน่าโมโหคนนี้จะฝืนตัวเองจนอาการทรุดหนักลง มือข้างนั้นเย็นเฉียบ เย็นถึงขนาดที่ว่าอุณหภูมิของเขายังอุ่นเสียกว่า

เมื่อได้สัมผัสมือที่แสนอ่อนแรงนั้นแล้ว... ใจเขาก็อ่อนยวบจนน่าโมโห

ปิงเหยียนทรุดตัวนั่งลงที่ข้างเตียง อาการป่วยที่เกิดจากการใช้พลังจนหมดนั้นไม่สามารถรักษาได้ มีเพียงเวลาทีช่วยเยียวยาฟื้นฟู

เขาปัดปอยผอมที่ตกลงมาระหน้าระตาของอีกฝ่ายออก

"ใคร"

"นายก็รู้อยู่แล้ว"

"..."

แรงบีบที่มือเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น แต่ก่อนที่มันจะทำให้เขาเจ็บ อีกฝ่ายก็ปล่อยมือออกเสียก่อน

ทึ่ม

ถึงแม้ใครต่อใครจะบอกว่าท่านปิงเหยียนปราดเปรื่องหลักแหลม เก่งกาจในทุกเรื่อง แต่เซี่ยซุ่ยกลับรู้สึกว่าคู่หูของเขาคนนี้ช่างทึ่มเสียเหลือเกิน

"ขอโทษนะ...ทำให้นายต้องเป็นกังวลเสียแล้ว"

"แต่ไม่ขอโทษที่ทำลงไปใช่มั้ย" หาได้ยากนักที่จะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยวาจาประชดประชันแบบนี้

เซี่ยซุ่ยยิ้ม ไม่ปฏิเสธแม้เพียงครึ่งคำ

พวกเขาเงียบกันไปชั่วครู่หนึ่ง มวลอากาศไม่สั่นสะเทือนแล้ว บรรยากาศกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เซี่ยซุ่ยเกือบจะผล็อยหลับไป ในตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายโน้มกายลงมาใกล้

เขาสะลึมสะลือพยายามเพ่งมองฝ่าความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เห็นเพียงประกายผมสีเงินแวววาวและดวงตาสีแดงอันคุ้นเคย

และความอบอุ่นก็ทาบลงมาบนริมฝีปาก

ร่างกายสะดุ้งเกร็งขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง แต่เพียงครู่เดียวก็่ยินยอมโอนอ่อนผ่อนตามไม่ขัดขืน

จุมพิตบางเบาดุจขนนกดำเนินไปครู่เดียว อีกฝ่ายก็ผละออก

"พักผ่อนเถอะ"

"อื้ม ขอโทษนะ"

"นอนซะ"

"ขอโทษนะ"

...

..

.

ขอโทษนะ คู่หู


------------------------

เด็กคนนั้นมีพลังกล้าแกร่งยิ่งกว่าเขา เรื่องนี้เซี่ยซุ่ยตระหนักแจ้งแก่ใจมาตลอด
เขารู้ดีว่าสุดท้ายแล้วเขาจะมีุจุดจบเช่นไร รู้มาตลอดว่าจุดจบของตนคงไม่ต่างไปจากมารดา

ถ้าเป็นไปได้เซี่ยซุ่ยก็ปรารถนาให้ตนเองไม่ต้องใช้พลังนี้

ปรารถนาให้ท้ายที่สุดแล้ว น้องชายที่แสนน่าชังของตนจะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัยตลอดไป

แต่นั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

จึงมีแต่วิธีนี้เท่านั้น...

ในฐานะคู่หูแล้ว เขารู้ดีว่าการทำแบบนี้ช่างเห็นแก่ตัว และเอาเปรียบปิงเหยียนมากจนไม่น่าใหอภัย
 
จะเรียกว่าเป็นการหลอกใช้ก็ดี หรือจะบอกว่าเขาหลงตัวเองก็ได้ แต่การเป็นตัวตายตัวแทนให้น้องชายนี้นอกจากจะใช้พลังของเขาปกป้องอีกฝ่ายแล้ว... เขาก็แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าปิงเหยียนจะช่วยปกป้องเซียนตงซุ่ยด้วยเช่นกัน

เขาช่าง...เห็นแก่ตัวเหลือเกิน

-----------------

เขารู้

ทุกสิ่งทุกอย่างที่คู่หูของเขาคิด เขารู้ทั้งหมด

ถึงแม้จะรู้ แต่ก็เลือกที่จะปิดหูปิดตา เป็นเพียงคนโง่งม

แม้คนที่สำคัญที่สุดของเซี่ยซุ่ยจะไม่ใช่เขา แต่ไม่เป็นไร

ไม่เป็นไร

--------------------------------------------------------

"อยู่ที่ไหน!!! เจ้าคนน่าโมโหที่ซัดคู่หูของตัวเองจนสลบ แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะกลับมาอยู่ที่ไหน!!?"

ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำตอบนั้นออกมา

ร่างกายหนาวเยือกจนรู้สึกราวกับเลือดกำลังแข็งตัว หนาวจนได้แต่กอดตัวเองเอาไว้

เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นอย่างที่พึงควรมีได้ จึงได้แต่รีบขอตัวออกมา

อากาศนอกห้องพยาบาลหนาวถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อันที่จริงอากาศภายในโรงเรียนมักจะอบอุ่นอยู่เสมอ แต่เวลานี้ร่างของเขากลับสั่นเทาจนหยุดไม่ได้

...ปิงเหยียน...

ร่างกายรู้สึกวูบโหวง เซี่ยซุ่ยพยายามลองค้นหาแม้จะไร้หวัง แต่ไม่ว่าจะควานหาอย่างไร อีกฟากฝั่งของสายสัมพันธ์ก็มีเพียงความเงียบ พวกเขาเป็นคู่หูกัน มันมากกว่าการเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนร่วมปฏิบัติภารกิจ

สำหรับพวกเขา คู่หูเป็นเหมือนครึ่งหนึ่งของวิญญาณ

...และตอนนี้เขาก็รู้สึกเหลือวิญญาณเพียงครึ่งตัว...




...ขอโทษนะ...

ขอโทษนะ

เรื่องที่ต้องขอโทษมีเยอะแยะมากมายจนเซี่ยซุ่ยไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เขากำลังขอโทษในเรื่องใด

ขอโทษนะ

เขาย้อนถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง คนที่เขาจะเลือกเป็นตัวตายตัวแทนให้จะยังคงเป็นเซียนตงซุ่ยอยู่หรือไม่

และสิ่งที่ทำให้เขาเจ็บปวดสุดหัวใจ ก็คือ...การตระหนักว่าแม้จะย้อนกลับไปแก้ไขได้ คนที่เขาเลือกที่จะปกป้องก็ยังไม่ใช่ปิงเหยียนอยู่ดีนั่นเอง


-----------------------------------




End




เป็นแรงละเมอเพ้อพกหลังจากอ่านเล่ม 9 จบค่ะ //แต่อันไปละเมอตรงกับเล่ม 10 จนเหมือนสปอยล์... //แต่เราว่าเรื่องนี้ก็น่าจะเดาได้กันอยู่แล้วล่ะมั้ง 

ห่างหายจากการเขียนฟิคไปเป็นปี กลับมาเขียนอีกทีนั่งเซ่ออยู่หน้าคอมนานมาก 5555+ 

ถ้าเจอข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ปล. ใครอ่านเล่ม 10 แล้วมากรี๊ดด้วยกันที โฮรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร